คุณค่าของเพลง จากบทขับลำนำของไทยทรงดำ ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นบทขับลำนำที่ได้จากการสัมภาษณ์ นางธนพร สุขสวัสดิ์ ประชาสัมพันธ์กลุ่มทอผ้าบ้านดอนมะนาว ซึ่งเป็นผู้เรียบเรียงบทขับ จากเนื้อหาของบทขับลำนำ ได้แสดงให้ทราบถึง คุณค่าทางสังคม ด้าน วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม วิถีชีวิต ความเชื่อ และภูมิปัญญาด้านภาษาวรรณกรรม ดังนี้
คุณค่าทางสังคม
ด้านวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม จากบทขับลำนำ ประเพณีการละเล่น"อิ้นกอนฟ้อนแคน"
และประเพณี"การลงข่วง" ตลอดจนพิธีกรรมป้าดตง ของคนโซ่งดอนมะนาว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชนเผ่ากลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของคนโซ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่มีมิตรไมตรี ให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว ทั้งสองประเพณีนี้จึงนำไปสู่การแต่งงานของคนโซ่งด้วยจิตใจที่มั่นคงต่อกัน ซึ่งผลจากการที่คนโซ่งได้เปิดอิสระเสรีให้แก่ลูกหลานในการเลือกคู่ครองโดยไม่มีการคลุมถุงชน และมิได้หยิบยกเรื่องฐานะหรือชนชั้นมาเป็นอุปสรรคในการเลื
อกคู่ครองของแต่ละฝ่ายแต่ได้มีกระบวนการของจารีตประเพณีเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายทำความรู้จักกันและศึกษานิสัยใจคอซึ่งกันและกัน จึงได้นำไปสู่การสร้างสถาบันครอบครัวที่อยู่ในกรอบของจารีตประเพณีที่ดีงาม ตลอดจนมีการอนุรักษ์วิถีชีวิตและการละเล่นพื้นบ้านของตนไว้อย่างเหนียวแน่น กฎ ข้อห้าม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำ เปรียบเสมือนกับธรรมะในพุทธศาสนา ชาวไทยทรงดำ ยึดความตายเป็นที่ตั้ง จึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำเป็นสีแห่งความโศกเศร้า แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการแต่งกาย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยทรงดำ
ด้านวิถีชีวิต ความเชื่อ ชาวไทยทรงดำโดยทั่วไป มีความผูกพันกับเครือญาติและชาวไทยทรงดำด้วยกันเองค่อนข้างสูง การช่วยเหลือ "การเอาแรง" ยังคงอยู่ในวิถีชีวิตไทยทรงดำ และวิถีชีวิตไทยทรงดำจะมีระบบแบบแผนที่แน่นอนในปีหนึ่ง ๆ หลังจากว่างทำไร่ทำนาแล้ว หญิงก็จะทอผ้า ชายก็จะจักสานทำเครื่องใช้ไม้สอยเอง ชาวไทรงทรงดำบ้านดอนมะนาว ยังคงรักษาสืบทอดวัฒนธรรม
ประเพณี พิธีกรรม เช่นพิธีป้าดตง พิธีเสนเฮือน ความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ ความเชื่อในเรื่องการให้พรในพิธีกรรมต่างๆ ตลอดจนมีการอนุรักษ์วิถีชีวิตและการละเล่นพื้นบ้านของตนไว้อย่างเหนียวแน่น กฎ ข้อห้าม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาวไทยทรงดำ เปรียบเสมือนกับธรรมะในพุ
ทธศาสนา เป็นการค้นพบด้วยตนเอง เพราะชาวไทยทรงดำในอดีตไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเช่นในปัจจุบัน แต่มีความเชื่อนับถือวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว มีแถนเป็นเทวดา มีอำนาจอิทธิพล บารมี กำหนดให้มนุษย์เกิดและตายมีการดำเนินชีวิตที่เป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นที่บรรพบุรุษไทยทรงดำ มอบให้แก่ลูกหลานคือ ต้องการให้ทุกคนเป็นคนดี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ซึ่งชาวไทยทรงดำบ้านดอนมะนาว มีความเชื่อกันว่า ตนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษดั้งเดิมสองตระกูล คือ ตระกูล
ผีผู้ต๊าว และตระกูลผีผู้น้อย ตระกูลผีผู้ต๊าวนั้น สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นเจ้านายเป็นชนชั้นปกครอง ในสายตระกูลมีเชิงเดียว(คล้ายแซ่ของคนจีน) คือซิงลอ ผู้ที่เกิดในตระกูลนี้จะถือผีผู้ต๊าวเป็นผีประจำตระกูล ส่วนตระกูลผีผู้น้อยนั้น สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสามัญ ผู้ที่เกิดในสายตระกูลนี้จะถือผีผู้น้อยเป็นผีประจำตระกูล ชาวไทยทรงดำเชื่อว่าผู้ต๊าวมีศักดิ์สูงกล่าวผู้น้อยและผู้น้อยจะต้องให้ความเคารพยำเกรงแก่ผู้ต๊าว ความเชื่อนี้จะปรากฏในการประกอบพิธีกรรมเซ่นผีเรือน ซึ่งผู้น้อยจะเข้าร่วมพิธีเสนเรือนของผู้ต๊าวไม่ได้ ส่วนในการดำเนินชีวิตนั้น ทั้งสองตระกูลอยู่ด้วยกันอย่างเสมอภาค ชาวทรงทรงดำจะมีการนับถือผี มีการบวงสรวงผีเป็นประจำ เช่น ผีเรือนหรือผีบรรพบุรุษที่มุมใดมุมหนึ่งในห้องของบ้านจะใช้เป็นที่บูชาผีบรรพบุรุษเรียกว่า "กะล้อห่อง" ชาวไทยทรงดำหากเป็นตระกูลผีผู้น้อยจะมีการเซ่นไหว้หรือเลี้ยงผีทุก ๆ 10 วัน ถ้าเป็นตระกูลผีผู้ต๊าวจะเลี้ยงผีทุก ๆ 5 วัน เรียกการเลี้ยงผีประจำตระกูลนี้ว่า "ป้าดตง" ในหนึ่งปีชาวไทยทรงดำจะมีการเลี
้ยงผีครั้งใหญ่ เรียกว่า พิธีเสนเรือน ซึ่งเป็นการแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว โดยเชื่อกันว่า เมื่อเลี้ยงผีแล้วจะช่วยปกป้องคุ้มครองตนให้มีความสุขมีความเจริญก้าวหน้าในการดำรงชีวิต เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น