จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นดินแดนที่โดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมอย่างหลากหลายมาตั้งแต่สมัยอดีตเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีหลากหลายชาติพันธุ์อพยพมาอยู่รวมกันจนถึงปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดคือไทยทรงดำ หรือลาวโซ่ง ส่วนไทยพวน ไทยละว้า ไทยพื้นถิ่น ไทยเชื้อสายจีน ไทยคลั่ง(ลาวชี ลาวครั่ง) ไทยเวียง ไทยเขมร ไทยกะเหรี่ยง ไทยญวน ก็ยังมีอยู่แต่ไม่มากเท่าไร เพราะบางกลุ่มชาติพันธุ์ก็ถูกวัฒนธรรมในเมืองเข้าไปรบกวน แต่ชาวไทยทรงดำ หรือลาวโซ่ง หรือไทยโซ่ง หรือไทยดำ ซึ่งมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะชาติพันธุ์ สามารถรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้ ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์วัฒนธรรมต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา
กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 10 กลุ่มชาติพันธุ์นั้น กลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงดำ ดูจะยังคงรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของตนเองไว้ได้อย่างแนบแน่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ได้เป็นอย่างดี มีชื่อเสียงและกิจกรรมที่โดดเด่น แม้ในเพลงลูกทุ่งหลายๆ เพลงที่กล่าวถึงอยู่บ่อยๆเช่น เพลงอเมชซิ่งสุพรรณ ขับร้องโดยเสรี รุ่งสว่าง ที่ว่า "ไปเถิดนะแจ่มจันทร์ ไปเที่ยวสุพรรณยามค่ำ ตะวันต่ำๆดูไทยทรงดำลำแคน" นอกจากนี้ในงานสำคัญๆของท้องถิ่นหรือระดับจังหวัดเช่นงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์และงานกาชาดจังหวัดสุพรรณบุรี ก็จะจัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของไทยทรงดำ
ลักษณะการแต่งกายของชาวไทยทรงดำ
ชาวไทยทรงดำที่อาศัยอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น มีการใช้ภาษาไทยทรงดำตั้งแต่ครั้งที่ตั้งถิ่นฐานอยู่สิบสองปันนาแล้ว และเมื่อไทยทรงดำได้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยแล้ว คนเหล่านี้ก็ได้นำเอาอักษรและภาษาของตนเข้ามาใช้ด้วย เวลาผ่านมาหลายร้อยปีที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี เขาก็ยังคงใช้กัน ส่วนภาษาพูดของชาวไทยทรงดำในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ก็ยังคงใช้กันในหมู่ผู้เฒ่าผู้แก่จนถึงปัจจุบัน ส่วนลูกหลานนั้นจะพูดภาษากลางมากกว่า นอกจากจะพูดกับพ่อแม่หรือพูดกันในเครือญาติจึงจะพูดภาษาไทยทรงดำเท่านั้น เพราะลูกหลานไทยทรงดำในจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ได้เข้าโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือจึงทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยทรงดำมากนัก ส่วนภาษาเขียนนั้นจะมีการจดบันทึกไว้ในสมุดไทยต่อๆ กันมา โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ โดยส่วนมากจะบันทึกไว้ตามผู้ประกอบพิธีกรรมหรือผู้นำหมู่บ้าน แต่ชาวไทยทรงดำในจังหวัดสุพรรณบุรีส่วนใหญ่ หรืออาจกล่าวได้ว่าเกือบจะทั้งหมด ไม่สามารถเขียนภาษาไทยทรงดำได้ จึงน่าเป็นห่วงว่าในอนาคตภาษาเขียนของชาวไทยทรงดำ จะสูญหายไป ชาวไทยทรงดำในจังหวัดสุพรรณบุรี ยังมีการรักษาเอกลักษณ์เพลงพื้นบ้านของไทยทรงดำเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เช่น ที่หมู่บ้านดอนมะนาว อำเภอสองพี่น้อง โดยจะเห็นได้จากการที่เวลาแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนถิ่นดอนมะนาว ชาวดอนมะนาวจะมีการต้อนรับ ด้วยกวีลาวและบทเพลงต่าง ๆ เช่น บทขับลำนำของไทยทรงดำ หรือแอ่วลาว ในการเล่นคอนฟ้อนแคนของไทยทรงดำ
บทขับหรือแอ่วลาวในการเล่นคอนฟ้อนแคนที่ผู้ศึกษาได้รวบรวมขึ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทขับที่อยู่ในความทรงจำของไทยทรงดำ ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน หรือเรียบเรียง เพิ่มเติมใหม่ ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงบทขับเดิม บทขับผู้ร้องจะเรียกว่า "หมอขับ" จะต้องมีความสามารถในการร้อง และต้องได้รับการฝึกฝนมาให้เป็นผู้ขับที่มีความสามารถ จะต้องร้องรับได้ถูกต้องตรงกับเสียงของแคนที่ส่งมาตามเสียงของแคน ว่ามีโทนเสียงใด ผู้ขับจะต้องขับให้ตรงกับเสียงแคนนั้น ลายแคนสุดสะแนน และเวียงจะเป็นพื้นฐานของเพลงแคนที่ใช้ในการฟ้อน แคนชมดง และแคนแมลงภู่ตอมดอก เนื้อร้องของการขับ จะเป็นการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิง เป็นการชมธรรมชาติ ชมนก ชมไม้ด้วยเหตุผลเดียวกับบทเพลงรำวงหรือรำโทนของคนไทยในยุคก่อน ในบางจังหวัดบทขับร้องเหล่านั้น โดยปกติเป็นบทเชิญชวน บทสัพยอกหยอกเย้า บทชมโฉม และบทรำพันรัก ระหว่างหนุ่มสาวตลอดจนบทพร่ำรัก บทขับของไทยโซ่งบ้านดอนมะนาว อำเภอสองพี่น้อง ก็เป็นในทำนองเดียวกันทั้งลักษณะการเล่น ความหมายของบทเพลง การใช้ถ้อยคำสัมผัส ความคงอยู่ ความสูญหาย และการเกิดขึ้นใหม่ จึงเป็นเหตุผลที่ยืนยันได้ว่า ลักษณะของบทขับลำนำของไทยทรงดำในการเล่นฟ้อนแคน จึงเป็นการละเล่นพื้นเมืองอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับรำวง